Exclusive: One Game at a Time

Wrek-it Ralph

ตำรวจ-ผู้ร้าย, นางเอก-ตัวอิจฉา , อุลตร้าแมน-มนุษย์ดาวบัลตั้น !! เป็นสูตรสำเร็จของโลกไปซะแล้ว หากจะต้องการเชิดชูความดีงามและคุณธรรมอันสูงส่งของมวลมนุษยชาติ ง่ายดายมาก แค่ทำตัวร้ายให้ดูอัปลักษณ์(ยกเว้นนางร้ายละครไทย) ทำตัวเอกให้ดูเฟิร์มมีซิกแพค อวดอ้างด้วยสรรพคุณเหนือจริงอีกสักหน่อยเพียงเท่านี้ฉากจบ ก็คงไม่พ้นต้องเห็นความพินาศย่อยยับของตัวร้ายเสมอไป


แต่จะเกิดอะไรขึ้น หากตัวร้ายไม่ยอมทำงาน ละทิ้งหน้าที่จอมวายร้าย งอนแงนสังคมที่ชอบชี้หน้าตีตราเป็นคนเลว ทีนี้พระเอก,ฮีโร่เหล่าผู้ผดุงคุณธรรม ก็ไม่มีวายร้ายให้กระหน่ำโจมตีปราบปรามอีกต่อไป คุณธรรมความดี จะไม่ใช่สิ่งที่ต้องเชิดชูโอ่อ้างกันอีกต่อไป มันจะกลายเป็นเพียง สิ่งปรุงแต่งดาษดื่น หากจะกระชับให้สั้น ตัวร้าย เป็นตัวที่ช่วยส่งเสริมพระเอกให้โดดเด่น โลดแล่นเกินจริงกว่าที่มันควรจะเป็น ถ้าโลกเรามีแต่ฮีโร่ ทุกๆคนเป็นฮีโร่ ฮีโร่คนดี ก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาๆ เช่นนั้นเอง

Wrek-it Ralph

ไม่ผิดแปลกอะไร หากสักวันในความคิดของผู้ร้าย อยากรับบทฮีโร่บ้าง อยากได้เสียงปรมมือเยินยอบ้าง ในทุกๆวัน มีผู้คนมากมายที่ยังคงใฝ่ฝันอย่างต่อเนื่อง ถึงในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริง เราต้องจำน้อมรับว่างานบางงาน อาชีพบางอาชีพ ไม่ได้ถูกสร้างและมีไว้สำหรับเราทุกคนบางงานบางอาชีพมันถูกสงวนไว้สำหรับคนประเภทหนึ่งเท่านั้น เราไม่อาจประสบความสำเร็จเฉกเช่นบุคคลอื่น แต่เราเลือกที่จะประสบความสำเร็จในรูปแบบของเราเองได้

Wrek-it Ralph

บ่นได้บ้าง ตัดพ้อได้บ้าง ไม่เป็นไร หากแต่ต้องตระหนัก และเข้าใจถ่องแท้ ของคำว่า "หน้าที่" พยายามมองหาความสุขเล็กน้อยที่ได้จากงาน ชื่นชมยินดีกับความสุขเล็กน้อยนั่น หันกลับมามองดูความสามารถของตัวเอง ชมตัวเองบ้าง ให้รางวัลตัวเองบ้าง ถึงไม่ได้เป็นฮีโร่ในสายตาผู้อื่น ก็ไม่เป็นไร เป็นฮีโร่ในสายตาคนรอบข้าง และเป็นฮีโร่ให้ตัวเอง ย่อมทำได้โดยไม่ต้องขัดเขิน

Wrek-it Ralph

ราล์ฟ วายร้ายจอมทุบ กล่าวไว้ว่า

"I'm bad and that's good. I will never be good and that's not bad. There's no one I'd rather be, than me."
"ฉันเลวซึ่งนั้นก็ดี ฉันจะไม่มีวันเป็นคนดี ซึ่งนั่นก็ไม่เลว ไม่มีใครที่ฉันอยากจะเป็น ไปมากกว่าตัวฉันเองอีกแล้ว"

โดย merablur
หนัง Wreck-It Ralph : ราล์ฟ วายร้ายหัวใจฮีโร่

Roland Emmerich เผยรายละเอียดเกี่ยวกับภาคต่อของ ID4

Independence Day

ผ่านมากว่า 17 ปีแล้วที่ฉากระเบิดตึกเอ็มไพร์สเตตและทำเนียบขาวในหนังเรื่อง Independence Day หรือ ID4 สงครามวันดับโลก ยังคงติดตาแฟนหนังมาจนถึงทุกวันนี้ ทางผู้กำกับ Roland Emmerich ก็ออกมาเปิดเผยรายละเอียดเล็กน้อยให้ฟัง ผ่านทาง EW ครับ

ผู้กำกับคนเก่งบอกว่าจะมีภาคต่อ 2 ตอน แบ่งเป็น ID Forever Part 1 และ ID Forever Part 2 โดยห่างจากเหตุการณ์ใน ID4 ที่เอเลี่ยนส่งยานรบมารุกรานโลกถึง 20 ปีครับ


โรแลนด์กล่าวว่า "ทุกคนรู้แล้วว่าซักวันจะมีเอเลี่ยนบุกโลกอีก และรู้ดีว่าการเดินทางข้ามอวกาศจะต้องเดินทางผ่านเส้นทางรูหนอน (Wormhole) ซึ่งเป็นทางลัด ด้วยเทคโนโลยีของเอเลี่ยนทำให้พวกมันสามารถเดินทางข้ามอวกาศมายังโลกได้ภายใน 3 อาทิตย์ แต่สำหรับมนุษย์คงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20-25 ปี"

เมื่อถามถึงสภาพแวดล้อมใน ID Forever โรแลนด์กล่าวว่า "โลกที่เปลี่ยนไปแล้ว มันฟังคล้ายๆ กับประวัติศาสตร์คู่ขนาน หลังเหตุการณ์ใน ID4 ทำให้มนุษย์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีของเอเลี่ยนได้ แต่ไม่สามารถสร้างเลียนแบบได้ เพราะมันถูกสร้างมาด้วยเทคโนโลยีเฉพาะตัว แต่เราสามารถนำอุปกรณ์ต้านทานแรงโน้มถ่วงมาใช้งานได้ และเรานำมันมาใส่ในเครื่องบิน"

สำหรับตัวนักแสดง Bill Pullman ซึ่งเคยรับบทประธานาธิบดีใน ID4 จะกลับมาเล่นอีกครั้ง ขณะที่ Will Smith ยังไม่ได้ตอบรับงานนี้ ซึ่งหนังจะโฟกัสไปยังเหล่าคนรุ่นใหม่ ซึ่งอาจรวมไปถึงลูกบุญธรรมของ Will Smith ในภาคแรกครับ โรแลนด์บอกว่า "ตัวละครส่วนใหญ่จะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ บางส่วนคือหน้าเดิม"

โรแลนด์บอกว่าหนังภาคต่อนี้จะเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม "สำหรับภาคแรก จะจบลงด้วยความสำเร็จเล็กๆ แต่นั่นก็มากพอสำหรับความหวังของมวลมนุษย์ ส่วนภาคต่อจะจบลงด้วยการปลดแอกตนเองจากเอเลี่ยนได้แล้ว"

มีคำถามว่าตอนจบของ ID4 สถานที่ต่างๆ ในโลกถูกทำลายจนพังพินาศไปหมดแล้ว แล้วภาคต่อจะเป็นยังไง โรแลนด์บอกว่า "มนุษย์สร้างโลกขึ้นมาใหม่ ส่วนเอเลี่ยนก็มีอะไรใหม่ที่แตกต่างจากเดิมเหมือนกัน"

แฟนหนังอย่าเพิ่งคาดหวังว่าจะได้ดูภาคต่อของหนังบล๊อคบัสเตอร์เรื่องนี้ในเร็วๆ นี้นะครับ เพราะในเดือนกรกฎาคมนี้หนังเรื่อง White House Down ของโรแลนด์ เอ็มเมอริชจะลงโรงฉาย นั่นอาจหมายถึงกว่าเราจะได้ดูกันก็หลังจากนี้อีกซักปีหรือสองปีครับ เพื่อให้โรแลนด์และทีมงานกับค่ายหนังพร้อมสำหรับการเปิดกล้องถ่ายทำครับ

ตัวอย่างหนัง White House Down ถล่มทำเนียบขาวอีกเรื่อง

White House Down

ช่วงนี้มีหนังที่ใช้ทำเนียบขาวเป็นโลเกชั่นหลักในการถ่ายทำเข้ามาให้ชมกันเยอะพอสมควรครับ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Olympus Has Fallen ก็เพิ่งเข้าฉาย และตอนนี้ White House Down หนังแอ๊คชั่นถล่มทำเนียบขาวอีกเรื่องก็ปล่อยตัวอย่างหนังออกมาให้ชมกันแล้วครับ (Updated: ตัวอย่างหนัง White House Down ความยาว 4 นาที)

White House Down เป็นเรื่องของจอห์น เกล (Channing Tatum) เจ้าหน้าที่ตำรวจลับที่ต้องคอยคุ้มกันประธานาธิบดี เกลพาลูกสาวของตนมาเที่ยวที่ทำเนียบขาวในวันหยุด แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมีกองกำลังติดอาวุธเข้ามายึดทำเนียบขาว ทำให้เกลต้องหาทางยับยั้งแผนก่อการร้าย และช่วยลูกสาวกับประธานาธิบดี ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปครับ


หนังกำกับโดย Roland Emmerich ผู้กำกับ ID4, The Day After Tomorrow, 2012 ครับ โดยมี Ute Emmerich, Channing Tatum และ Reid Carolin มาเป็น Executive Producer นำแสดงโดย Channing Tatum, Jamie Foxx, Maggie Gyllenhaal, Jason Clarke, Richard Jenkins, James Woods เข้าฉายเดือนกันยายนนี้ครับ ชมตัวอย่างหนังและโปสเตอร์ได้ด้านล่างครับ



White House Down Poster
White House Down Poster
White House Down Poster
White House Down Poster

ที่มา The Film Stage

Exclusive: ใครเหมาะจะเป็น Lara Croft คนต่อไป?

Lara Croft - Tomb Raider

จากข่าวคราวการประกาศรีบู๊ตหนังเวอร์ชั่นใหม่ให้กับ Tomb Raider ก็มีคำถามต่อมาครับว่า "ใครเหมาะจะเป็น Lara Croft คนต่อไป?" วันนี้เราลองมาสำรวจความคิดเห็นจากแฟนๆ ของเกมนี้กันครับว่าใครเหมาะที่สุดที่จะมาผจญภัยในฐานะลาร่า ครอฟต์

แฟนๆ ของ Tomb Raider ต่างก็มีแคนดิเดตในดวงใจสำหรับบทบาทลาร่า ครอฟต์ อยู่แล้ว และได้แสดงความคิดเห็นผ่านทาง Comingsoon ครับ ซึ่งมีหลากหลายตัวเลือก เช่น


Camilla Luddington

Camilla Luddington ซึ่งเป็นผู้ให้เสียงตัวละครลาร่า ครอฟต์ ในเกมเวอร์ชั่นล่าสุด รวมไปถึงการเคลื่อนไหวผ่านเทคนิค Motion Capture ด้วย แน่นอนว่าเธอต้องเป็นชื่อแรกๆ ที่แฟนๆ อยากให้ได้รับบทในหนัง

Emilia Clarke

Emilia Clarke นักแสดงสาวจากซีรี่ส์ Game of Thrones

Emma Watson

Emma Watson เราจดจำเธอได้เป็นอย่างดีในบทบาทของเฮอร์ไมโอนี่จากแฮรี่ พอตเตอร์ นอกจากนี้เธอยังเป็นนักแสดงจากประเทศอังกฤษ ทำให้แฟนๆ ลาร่า ครอฟต์ อยากให้เธอได้รับบทนี้ (จากเนื้อเรื่องในเกม ลาร่า ครอฟต์ เป็นชาวอังกฤษ)

Gina Carano

Gina Carano นักแสดงสาวจาก Haywire เรื่องบู๊เป็นเรื่องถนัดของเธออยู่แล้ว

Kate Beckinsale

Kate Beckinsale นางเอกสาวที่พิสูจน์ฝีมือการเป็นนักแสดงหนังบู๊มาแล้ว จาก Underworld

Jennifer Lawrence

Jennifer Lawrence ซึ่งกำลังโด่งดังจาก The Hunger Game และ Silver Lining Playbook ก็มีแฟนๆ เชียร์ให้เธอได้บทนี้เช่นกัน

Lyndsy Fonseca

Lyndsy Fonseca เราเห็นเธอใน Kick Ass กันมาแล้ว และเธอก็เป็นอีกหนึ่งแคนดิเดตที่แฟนๆ ลาร่า ครอฟต์ อยากเห็นเธอมาผจญภัยใน Tomb Raider

Olivia Wilde

Olivia Wilde นักแสดงสาวจาก TRON: Legacy, In Time, Dead Fall เป็นนักแสดงที่มีแววตาน่าค้นหา ก็เป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่น่าสนใจสำหรับลาร่า ครอฟต์

นอกเหนือจากนี้ยังมี Megan Fox, Jennifer Lopez, Gemma Aterton, Rebecca Hall ที่ได้รับการเสนอชื่อจากแฟนๆ Tomb Raider ครับ เราคงต้องคอยดูกันต่อไปว่าใครจะได้รับบทสาวนักผจญภัยชั้นยอด แต่สำหรับผมแล้วอยากให้ Olivia Wilde ได้เล่นเป็นลาร่า ครอฟต์ แล้วคุณล่ะคิดว่าไงครับ ร่วมเสนอความคิดเห็นมาได้ด้านล่างเลยครับ

MGM จับมือกับ GK Films คืนชีพหนัง Tomb Raider

Tomb Raider

Gary Barber CEO ของ MGM และ Graham King ผู้ก่อตั้ง GK Films ได้ประกาศความร่วมมือกันในการสร้างหนัง Tomb Raider หนังแอ๊คชั่นผจญภัยที่สร้างจากแฟรนไชส์วิดีโอเกมที่มี Lara Croft เป็นตัวละครนำ

ก่อนหน้านี้ MGM ได้ซื้อลิขสิทธิ์หนังจากบริษัท Square Enix ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เกม Tomb Raider ที่กำลังวางจำหน่ายในขณะนี้ หลังจากที่ได้รีเมคตัวเกมกลับมาใหม่ ให้ลาร่า ครอฟต์ กลับมาโลดแล่นบนแพลตฟอร์มวิดีโอเกมอีกครั้ง โดย Graham King จะเป็น Producer ให้สำหรับหนังฉบับใหม่ครับ แม้จะยังไม่มีการประกาศตัวผู้แสดง แต่ทาง GK Films จะเดินหน้าถ่ายทำหนังทันที


ทั้งนี้ Gary Barber กล่าวว่า "เกรแฮมเป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์ชั้นนำของวงการ ผมดีใจมากๆ ที่เราได้มาร่วมงานกันในแฟรนไชส์หนังที่น่าตื่นเต้นเรื่องนี้ เราจะวางแผนเพื่อพัฒนาโปรเจ็คต์ร่วมกันต่อไปในอนาคต"

ส่วน Graham King บอกว่า "ผมตื่นเต้นที่จะได้รีบูตเครื่องใหม่สำหรับ Tomb Raider พร้อมกับแกรี่ และ MGM หลังจากเกมที่กำลังวางจำหน่ายตอนนี้ได้รับความนิยมมาก เป็นแรงกระตุ้นให้เราอยากจะสร้างหนังจนแทบอดใจรอไม่ไหวเลยล่ะ"

สำหรับเกม Tomb Raider เปิดตัวครั้งแรกในปี 1996 โดยบริษัท Eidos ของประเทศอังกฤษเป็นผู้สร้าง และกลายเป็นหนึ่งในเกมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคนั้น ปัจจุบันทั้ง Eidos และ Crystal Dynamics ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเกมเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทสื่อบันเทิงชื่อดัง Square Enix โดย Tomb Raider มียอดจำหน่ายในอดีตสูงถึง 35 ล้านแผ่น ทำให้ลาร่า ครอฟต์ กลายเป็นหนึ่งในตัวละครเกมที่มีคนจดจำมากที่สุดครับ และเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา Square Enix ก็เพิ่งจะวางจำหน่ายเกม Tomb Raider ที่รีบูตเนื้อเรื่องใหม่หมด เป็นการสร้างการผจญภัยบทใหม่ให้กับแฟรนไชส์เกมครับ

สำหรับฉบับหนังเดิมเคยมีการสร้างไว้ในปี 2001 และ 2003 ที่พาราเม้าท์เป็นผู้สร้าง และหนังก็ส่งให้ชื่อของ Angelina Jolie โด่งดังในบทของลาร่า ครอฟต์ ทั้งสองภาคทำรายได้ไปกว่า 432 ล้านเหรียญจากทั่วโลกครับ

ตอนนี้แฟนๆ เกมต่างก็ลุ้นกันว่านักแสดงคนไหนจะได้รับบทเป็นลาร่า ครอฟต์ สาวสวยนักผจญภัยคนเก่ง ซึ่งสำหรับฉบับเกมเวอร์ชั่นนี้ ลาร่า ครอฟต์ ใช้เทคโนโลยี Motion Capture จากนักแสดงหญิงที่มีชื่อว่า Camilla Luddington ครับ

Camilla Luddington

ที่มา Comingsoon

ตัวอย่างหนัง The Wolverine อย่างเป็นทางการ

The Wolverine

ในที่สุด 20th Century Fox ก็คายตัวอย่างหนัง The Wolverine อย่างเป็นทางการออกมาเรียบร้อยแล้วครับ แถมยังปล่อยออกมา 2 เวอร์ชั่นติดกัน โดยแบ่งเป็นเวอร์ชั่น U.S. และเวอร์ชั่น International (ชมคลิปตัวอย่างหนังชุดที่ 2 ของ The Wolverine)

ตัวอย่างหนัง The Wolverine บอกเราว่าเป็นเรื่องราวยุคปัจจุบันของโลแกน (รับบทโดย Hugh Jackman) หลังจากเหตุการณ์ใน X-Men: The Last Stand โลแกนเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นตามคำเชิญของซามูไรสาว ซึ่งรับบทโดย Rila Fukushima และได้พบกับหัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่า Shingen Yashida (รับบทโดย Hiroyuki Sanada) ที่ครั้งหนึ่งโลแกนเคยช่วยชีวิตไว้ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เค้ารอดจากระเบิดนิวเคลียร์ และเรายังได้เห็นตัวละครอื่นๆ อีก ทั้ง Svetlana Khodchenkova ในบทของ Viper ที่ดูเหมือนเธอจะมีอะไรบางอย่างทำให้โลแกนสูญเสียความเป็นอมตะ Tao Okamoto ในบทของ Mariko Yashida ลูกสาวของหัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่า และ Will Yun Lee ในบทของ Silver Samurai


ตัวอย่างหนังทำได้น่าสนใจมากครับ มีปมให้คิดว่าอะไรเป็นสาเหตุให้ความสามารถในการเยียวยาของโลแกนหายไป เราเห็นได้จากฉากที่โลแกนถูกยิงในวัด ฉากต่อสู้บนหลังคารถไฟ ที่ดูดุเดือด และทำออกมาได้อารมณ์ดิบพอสมควรครับ ฉากที่วิลยุนลีง้างธนู ที่ดูเหมือนเป็นฮอว์กอายแห่งเอเชีย และฉากที่ไวเปอร์ลอกหนังออกมาก็ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าเธอมีความสามารถอะไรกันแน่ เป็นตัวอย่างที่ชวนให้ติดตามจริงๆ ครับ

The Wolverine กำกับโดย James Mangold เข้าฉายเดือนกรกฎาคมนี้ครับ ชมคลิปตัวอย่างทั้ง 2 แบบได้ด้านล่าง พร้อมโปสเตอร์หนังครับ



The Wolverine Poster
The Wolverine
The Wolverine
The Wolverine
The Wolverine
The Wolverine
The Wolverine

ที่มา joblo

ตัวอย่างหนัง Pain & Gain ฉบับ RED BAND

ตัวอย่างหนัง Pain & Gain ฉบับ RED BAND

หลังจากทำหนังฟอร์มยักษ์อย่าง Transformers มาครบทั้ง 3 ภาค ผู้กำกับ Michael Bay ก็กลับมาทำหนังทุนต่ำที่เคยสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง และวันนี้ Pain & Gain หนังอาชญากรรมที่สร้างจากเรื่องจริงก็มีตัวอย่างฉบับ RED BAND ออกมาให้ชมกันแล้วครับ

Pain & Gain เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริงของกลุ่มนักเพาะกายกลุ่มนึงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกาย ซึ่งงานนี้ได้ Mark Wahlberg และ Dwayne Johnson มารับบทนำครับ ทั้งนี้สำหรับ Dwayne Johnson(เดอะร็อค) นั้นมีหุ่นล่ำกล้ามโตอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาอะไร ขณะที่ Mark Wahlberg นั้นก็ซุ่มเพาะกายก่อนรับงานจนมีร่างกายที่ดูล่ำบึ้กยิ่งกว่าที่เคยเห็นในหนังเรื่องอื่นที่เค้าเคยเล่นครับ

นอกจากนี้ยังมี Anthony Mackie ที่มาร่วมก๊วนนักเพาะกายหวังรวยทางลัดด้วย และยังมีนักแสดงอีกคับคั่ง ทั้ง Ken Jeong, Tony Shalhoub, Ed Harris, Yolanthe Cabau และเพื่อนเก่านักมวยปล้ำของเดอะร็อคอย่าง Kurt Angle มาร่วมแสดงด้วยครับ

ตัวอย่างฉบับ RED BAND นี้จะมีการพูดจาด้วยคำหยาบคายแบบไม่เซ็นเซอร์ รวมไปถึงฉากที่เต็มไปด้วยความรุนแรง แต่นับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับหนังเรื่องอื่นๆ ของไมเคิล เบย์ ฉากหมาตัวน้อยวิ่งคาบชิ้นส่วนเปื้อนเลือดของนิ้วใครบางคน ฉากเดอะร็อคกำลังเหวี่ยงฝ่ามือเข้าหากล้อง และปิดท้ายด้วยฉากที่มาร์ค วอห์ลเบิร์ก ยืนด่ากราดใส่เด็กแบบจัดเต็ม ทั้งวอห์ลเบิร์กและเดอะร็อคดูฮาและเข้าขากันดี ดูแล้วได้อารมณ์คล้ายกับ Bad Boys หนังคู่หูที่ทำให้ไมเคิล เบย์ แจ้งเกิดได้ครับ ชมคลิปตัวอย่างหนังได้ด้านล่างครับ คุณต้องมีอายุ 17 ปีขึ้นไปถึงรับชมคลิปได้นะครับ หนังเข้าฉายเมษายนนี้



ตัวอย่างหนัง Pain & Gain ฉบับ RED BAND

ตัวอย่างหนัง Pain & Gain ฉบับ RED BAND

ตัวอย่างหนัง Pain & Gain ฉบับ RED BAND

ตัวอย่างหนัง Pain & Gain ฉบับ RED BAND

ตัวอย่างหนัง Pain & Gain ฉบับ RED BAND

ตัวอย่างหนัง Pain & Gain ฉบับ RED BAND

ที่มา Yahoo! Movies

Review: The Hobbit จุดเริ่มต้นของมหากาพย์แหวนครองพิภพ

Review: The Hobbit

การต่อสู้ การผจญภัย คำพูดปลุกใจ พ่อมด เวทย์มนต์ สัตว์ประหลาด เราเคยสัมผัสหนังแนวนี้กันมาแล้วในอดีต แต่จะไม่มีเรื่องไหนเลยที่ทำให้เราจดจำได้เหมือนกับ The Lord of the Rings ไตรภาค ที่ Peter Jackson ได้สร้างผลงานหนังมหากาพย์ชิ้นนี้มาประดับไว้ในความทรงจำของผู้ชมทั่วโลก ในช่วงปี ค.ศ. 2001-2003 จนถึงครั้งนี้ก็ได้เวลาเล่าถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดกันแล้ว ใน The Hobbit: An Unexpected Journey


The Hobbit สร้างขึ้นมาจากนิยายของ J. R. R. Tolkien ที่เรียงร้อยเรื่องราวสุดแฟนตาซีไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1937 มีเพียงเล่มเดียว และต่อด้วยเรื่องราวของเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ไตรภาค แต่ Peter Jackson สามารถทำให้หนังสือนิยายเล่มเดียวนั้นกลายมาเป็นหนังความยาว 2 ชั่วโมงครึ่งแบบไตรภาคได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

หนังเริ่มต้นเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของเผ่นคนแคระ ซึ่งชำนาญงานช่างและงานเหมือง พวกเค้ามีอาณาจักรที่เต็มไปด้วยทองคำ จนกระทั่งวันนึง มีมังกรไฟ "สม็อก" เข้ามายึดเมือง ทำให้เหล่าคนแคระต้องระเห็ดพลัดถิ่นของตน กระจายไปยังดินแดนต่างๆ โดยหวังว่าซักวันจะได้กลับมาอยู่ในบ้านเกิดอีกครั้ง

หนังเล่าถึงตัวละคร บิลโบ แบ๊กกินส์ สมัยยังหนุ่ม บิลโบคือลุงของโฟรโด ฮอบบิทที่เป็นตัวเอกในเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ซึ่งเรื่องราวในส่วนนี้บิลโบยังไม่เคยเล่าให้ใครฟัง และพยายามเขียนมันเป็นนิยายการผจญภัยของตนเอง บิลโบได้พบกับกานดาล์ฟ พ่อมดสีเทา และเชิญชวนบิลโบไปผจญภัย

Review: The Hobbit

บิลโบ เป็นฮอบบิทที่รักสงบ ตอนแรกก็ไม่ได้ตอบรับการผจญภัยแต่อย่างใด แต่หลังจากการปรากฏตัวของคาราวานคนแคระ ที่นำโดย ธอริน โอเคนชิลด์ ทายาทกษัตริย์คนแคระ ที่นำทุกคนมารวมกัน โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะกลับไปยึดบ้านเกิดเมืองนอนคืนมาจากมังกรไฟ หลังจากที่ไม่มีข่าวคราวว่าใครพบเห็นมังกรไฟมานานกว่า 60 ปี บิลโบจึงอยากเข้าร่วมการผจญภัยด้วย แม้ว่าธอรินจะมองว่าบิลโบไม่พร้อมจะรับมือกับภัยอันตรายต่างๆ ได้

แต่เมื่อถึงเวลาผจญภัยจริงๆ บิลโบ ถึงแม้ว่าจะต่อสู้ไม่เป็น แต่บิลโบมีไหวพริบ และมีโชคช่วยอยู่เสมอ ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้กานดาล์ฟดึงบิลโบมาร่วมทีม และการผจญภัยของก๊วนคนแคระกับ 1 พ่อมดและ 1 ฮอบบิทก็เริ่มต้นขึ้น

Review: The Hobbit

The Hobbit: An Unexpected Journey จะเดินเรื่องได้ค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับ The Lord of the Rings ฉากต่อสู้น้อยกว่า มีฉากการสื่อสารกันระหว่างตัวละครมากกว่า เพราะต้องการสื่อให้รู้ถึงเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมด แนะนำตัวคนแคระแต่ละคน และมีปมให้คิดมากกว่าใน LOTR เช่น ทำไมเอลฟ์ที่นำโดยธรันดิลไม่ยอมช่วยเผ่าคนแคระ ทำไมจึงมีเนโครแมนเซอร์อยู่ในปราสาทโดลกุลดูร์(และมันเป็นใคร) ทำไมซารูมาน ซึ่งเป็นผู้นำของเหล่าพ่อมด ถึงได้พยายามหลีกเลี่ยงคำถามเกี่ยวกับดาบแห่งมอร์กุล หรือแม้แต่ว่าทำไมกาลาเดรียลถึงเรียกกานดาล์ฟว่า "มิทธรันเดียร์" และมีแววตาที่มองดูกานดาล์ฟเกินกว่าจะเป็นแค่เพื่อน ทำให้ช่วง 1 ชั่วโมงแรก รู้สึกเฉื่อยจนบางทีก็เกือบง่วง แต่ก็มีฉากเจอสัตว์ประหลาดและฉากต่อสู้สลับกันบ้างเพื่อไม่ให้น่าเบื่อจนเกินไป ผมคิดว่าภาคต่อไปจะมีฉากต่อสู้ที่มากกว่านี้เพราะได้เกริ่นนำทุกอย่างไว้ในภาคนี้แล้ว นอกจากนี้โลเกชั่นที่ใช้ถ่ายทำก็มีโทนที่เข้ากับอารมณ์ของหนัง งาน CG สมจริงดี คงไม่ต้องบอกอะไรมาก เทคนิค Motion Capture ของพี่แอนดี้ เซอร์กีส ในการเล่นเป็นกอลลัม ยังคงมีมนต์ขลังอยู่เสมอ

ความยิ่งใหญ่ของฉากต่อสู้เป็นอีกจุดเด่นของหนัง ที่ภาคนี้ได้สร้างฉากรังของเผ่าก๊อบบลิ้นไว้ในภูเขาที่เผ่าคนแคระและบิลโบตกลงไป ก่อนที่ต่อมาบิลโบจะได้เจอกับกอลลัม และได้พบกับ "ของรัก" ส่วนเหล่าคนแคระก็ได้รับความช่วยเหลือจากกานดาล์ฟ และการต่อสู้ระหว่างคนแคระกับเผ่าก๊อบบลิ้นก็เริ่มขึ้น มันไม่ใช่ฉากที่เราจะเห็นการต่อสู้กับแบบสูสี แต่จะเป็นการรุมกินโต๊ะของกอบบลิ้นซึ่งมีกำลังมากกว่านับพัน ต่อคนแคระแค่สิบกว่าคน

อย่างไรก็ตามข้อเสียของหนังเรื่องนี้คือคนแคระไม่ได้โดดเด่นหรือบ่งบอกว่าใครมีของดีอะไร นอกเหนือจากธอริน(ผู้นำกลุ่ม) บาลิน(มือขวาของธอริน) และพี่น้องคีลี่กับฟีลี่(คีลี่จะใช้ธนูเป็นอาวุธ ส่วนฟีลี่จะถูกใช้ให้สังเกตการณ์บ่อยๆ) แต่ผมคิดว่าน่าจะเผยให้เห็นความสามารถของแต่ละคนในภาคต่อๆ ไป

Review: The Hobbit

สำหรับฉากที่จ่าจดจำคือการดวลปัญญาตอบปัญหาเชาว์ระหว่างบิลโบกับกอลลัม ซึ่งกอลลัมหวังจะกินบิลโบถ้าหากบิลโบแพ้ ส่วนบิลโบหวังจะได้ออกไปจากที่นี่ บิลโบจึงต้องใช้หัวคิดและไหวพริบให้มากเพื่อต่อกรกับกอลลัมที่ทั้งเจ้าเล่ห์และหิวกระหาย ใครจะอยู่ใครจะไปต้องไปติดตามดูกันเอาเอง เรื่องนี้สนุกครับสำหรับใครที่ชอบ LOTR จะยิ่งชอบครับ ใครยังไม่ได้ดู ก็ไปหาเช่ามาดูได้เลยครับ รับรองสนุกแน่

ตัวอย่างหนัง Star Trek Into Darkness และโปสเตอร์ฉบับใหม่

Star Trek Into Darkness

Paramount Pictures ได้ฤกษ์ปล่อยคลิปตัวอย่างหนัง Star Trek Into Darkness ฉบับ International มาให้ชมกันแล้วครับ พร้อมกันนี้ภายในคลิปดังกล่าวยังมีการบอกใบ้ถึงโปสเตอร์ฉบับใหม่อีกด้วย

ก่อนหน้านี้การโปรโมตหนัง Star Trek Into Darkness จะค่อยๆ ปล่อยออกมาทีละนิด ไม่ได้ปล่อยหมัดเด็ดอะไรออกมาเท่าไหร่ แต่สำหรับคลิปนี้เราได้เห็นชัดเจนครับว่า Benedict Cumberbatch เป็นฝ่ายที่หักหลังกองกำลังสตาร์ฟลีท และพยายามจะฆ่าผู้บัญชาการและเจ้าหน้าที่ระดับสูง ทำให้กัปตันเคิร์ก (Chris Pine) ต้องไล่ล่าตัว

แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะศัตรูมีขุมกำลังที่เหนือว่า จนทำให้ยานเอ็นเตอร์ไพรส์ต้องตกลงสู่พื้นโลก กลายเป็นหายนะ คลิปนี้มีฉากแอ๊คชั่นที่มากขึ้น และเสียงประกอบที่น่าตื่นเต้น จนทำให้ผมเองรู้สึกอดใจรอดูหนังเรื่องนี้ไม่ไหวแล้ว

สำหรับคลิปตัวอย่างหนังฉบับนี้ทาง J.J. Abrams ผู้กำกับของเรื่องได้ใส่ URL เล็กๆ ไว้ในฉากด้านหลังของซีนที่ตัวละครอย่าง Alice Eve ซึ่งรับบทเป็นคุณหมอ Carol Marcus กำลังยืนอยู่ในชุดชั้นใน!!! โดยมีตัวอักษรที่ร้อยเรียงกันเป็น URL ของ Bit.ly/WyJV4F ซึ่งเป็นที่อยู่ของโปสเตอร์ฉบับใหม่นั่นเอง เข้าใจโปรโมตหนังจริงๆ นะครับพี่เจเจ ใครจะไปเห็นว่าพี่แกซ่อนอะไรไว้ถ้าไม่ได้หยุดภาพดู Alive Eve ที่เสื้อผ้าอาภรณ์น้อยชิ้นแบบนี้ ^ ^

Star Trek Into Darkness กำกับโดย J.J. Abrams นำแสดงโดย Chris Pine,John Cho,Benedict Cumberbatch,Alice Eve,Simon Pegg,Zachary Quinto,Zoe Saldana,Karl Urban หนังเข้าฉาย 10 พฤษภาคมนี้ ทั้งในระบบ 2D/3D และ IMAX ครับ เชิญชมตัวอย่างหนังและโปสเตอร์ได้ด้านล่างครับ ส่วนใครที่อยากเห็น URL ด้านหลังของ Alice Eve ชัดๆ (ให้ดู URL ชัดๆ นะครับ) ก็คลิกชมได้ที่นี่ครับ


Star Trek Into Darkness

ที่มา TrekMovie via Comingsoon

ฮากับตัวอย่างอนิเมชั่น Despicable Me 2

Despicable Me 2

Universal Pictures ได้ฤกษ์ปล่อยตัวอย่างหนังอนิเมชั่นสุดฮา Despicable Me 2 ออกมาให้ชมกันแล้วครับ หลังจากที่ปล่อยให้แฟนหนังรอคอยเหล่ามินเนียนกันมานาน

Despicable Me 2 เป็นภาคต่อของอนิเมชั่นที่ประสบความสำเร็จในปี 2010 ของผู้กำกับ Pierre Coffin และ Chris Renaud ซึ่งความน่ารักน่าชังของเจ้าตัวสีเหลืองมินเนียน (Minions) ก็ชนะใจคนดูไปแบบเต็มๆ และครั้งนี้นักแสดงที่ให้เสียงตัวละครหลักยังอยู่กันครบ ทั้ง Steve Carell, Kristen Wiig, Miranda Cosgrove, Russell Brand, Steve Coogan ร่วมด้วย Al Pacino และ Ken Jeong ครับ โดยตัวเอกหัวเหม่งอย่าง กรู ยังคงเป็น Steve Carell เหมือนเดิม


ตัวอย่างเวอร์ชั่นนี้กรูยังคงเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้ง 3 คน และเป็นห่วงเป็นใยพวกเธอมากขึ้น และได้พบกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยต่อต้านผู้ร้าย (Anti Villain Agent) ที่ลักพาตัวของกรูมายังฐานลับใต้ทะเล พบกับหัวหน้าหน่วย เพื่อขอให้กรูใช้ความเชี่ยวชาญที่มีช่วยเหลือหน่วยของตนในการปราบเหล่าร้าย ที่กำลังวางแผนร้ายอยู่ครับ

Despicable Me 2 จะเข้าฉาย 4 กรกฎาคมนี้ ทั้ง 2D/3D ครับ ชมตัวอย่างได้ด้านล่างครับ


Despicable Me 2
Despicable Me 2
Despicable Me 2

ตัวอย่างหนังแรกของ Kick Ass 2 ฉบับ Red Band และโปสเตอร์หนัง

Kick Ass 2 Trailer

จากหนังฮิตในปี 2010 ทำให้หนังซูเปอร์ฮีโร่เกรียนโคตรมีภาคต่อครับ ตัวอย่างหนังแรกของ Kick Ass 2 ฉบับ Red Band ได้ฤกษ์ปล่อยออกมาเกรียนแล้วครับ พร้อมกันนี้ยังมีโปสเตอร์ของตัวละครทั้ง 6 ตัวอีกด้วย

Kick Ass 2 สร้างจากคอมมิคเลือดสาดที่เขียนโดยฝีมือของ Mark Millar ซึ่งภาคแรกได้ Matthew Vaughn มาเป็นผู้กำกับ และสร้างหนังซูเปอร์ฮีโร่สุดเกรียนได้อย่างน่าประทับใจแฟนคอมมิคมากๆ ครับ เพราะแต่ละฉาก แต่ละแอ๊คชั่นซีน ล้วนแต่โหดเลือดสาด และต้องเจ็บตัวกันไปทั่วทุกคนในเรื่อง

สำหรับภาค 2 นี้ Matthew Vaughn จะเป็นโปรดิวเซอร์ให้ โดยมี Jeff Wadlow มากำกับแทนครับ เนื่อเรื่องต่อจากภาคที่แล้วเลย เกิดการระบาดของซูเปอร์ฮีโร่ในเมือง ที่ต้องการปราบอธรรมเช่นเดียวกับคิกแอส (Aaron Johnson) และฮิตเกิร์ล (Chloe Moretz) กลุ่มซูเปอร์ฮีโร่ที่เข้ามากวาดล้างอธรรม นำโดย พันเอกสตาร์ส แอนด์ สไตพ์ (Jim Carrey) ในขณะที่ฝั่งอธรรมเอง ก็มีการรวมกลุ่มเพื่อต่อต้านคิกแอส นำโดยเรดมิสต์ ที่แค้นเคืองคิกแอส หลังจากคิกแอสได้ฆ่าพ่อของเค้า และเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้นำกลุ่มวายร้าย โดยใช้ชื่อว่า เดอะมาเธอร์ฟัคเกอร์ (Christopher Mintz-Plasse) และใช้ความร้ายกาจของกลุ่มตัวเองสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว ทำให้ตำรวจต้องไล่จับทุกคนที่เป็นฮีโร่สวมหน้ากากแบบไม่ละเว้นครับ

จากตัวอย่างหนัง นอกจากนักแสดงทุกคนจะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้ว ฮิตเกิร์ลของเรายังสวยและเป็นสาวขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย แถมยังมีลีลาต่อสู้แบบเหนือชั้นอีกด้วย Kick Ass 2 กำกับโดย Jeff Wadlow นำแสดงโดย Aaron Johnson, Chloe Moretz, Christopher Mintz-Plasse, Jim Carrey มีกำหนดฉายในเดือนสิงหาคมปีนี้ครับ ชมตัวอย่างหนังและโปสเตอร์ด้านล่างครับ

Kick Ass 2 Poster
Kick Ass 2 Poster
Kick Ass 2 Poster
Kick Ass 2 Poster
Kick Ass 2 Poster
Kick Ass 2 Poster
Kick Ass 2 Poster

ที่มา Cine1

Copyright Notice

Copyright © 2014 FilmsInbound

All rights reserved.

Powered by Blogger

Super SEO created by Blogger Tuts

Published by GalleryBloggerTemplates.com