Exclusive: Would you mind? If I spoil …

Seeking a Friend for the End of the World



มันมักจะมีอะไรหม่นๆ ในภาพยนตร์แนวตลกร้ายอยู่เสมอ แกะกล่องDVDเรื่องล่าสุด ชื่อหนังอ่านออกเสียง นับได้สิบพยางค์พอดิบพอดี มีผู้คน ชอบตั้งคำถามแนวประมาณว่า "ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิตคุณ คุณจะทำอะไรบ้าง?" และก็มีผู้คนอีกจำนวนไม่น้อย ศรัทธาในข้อคิดประมาณว่า "จงทำทุกวัน ให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิต"

แต่นั่นเป็นแค่การจากไปเพียงตัวคนเดียว หาใช่หมู่คณะ


โจเซฟ สตาลิน เคยพูดว่า "คนตายหนึ่งคนเป็นเรื่องเศร้า แต่คนตายล้านคนเป็นสถิติ"

แน่ละ เรื่องอุกกาบาตพุ่งชนโลก ผู้คนทั้งโลกล้มตาย ต้องเป็นเรื่องของสถิติแน่ๆ แต่คำถามคือ "คนทั้งโลก" จะจัดการกับชีวิตที่เหลือแค่สี่อาทิตย์ ยังไง?

Seeking a Friend for the End of the World

การที่อุกกาบาตพุ่งชนโลก ถือเป็นเครื่องมือปรับเรียบสถานะ ชนชั้น รูปร่างหน้าตาและตัวเลขในสมุดบัญชี ทุกคน ทุกชนชั้น ทุกๆระบอบการปกครอง จะเท่าเทียมกัน ในวันที่อุกกาบาตแตะพื้นผิวโลก
และนอกจากนั้น มันยังเป็นกุญแจที่ปลดปล่อยจิตใต้สำนึก ของผู้คนเหล่านั้นออกมา เราจะป่าเถื่อน บ้าคลั่งได้เพียงไร? หรือเราจะประเสริฐและอารีได้มากแค่ไหน? ถ้ารู้กันว่า เรามีเวลาเหลือเท่าๆกันแค่สี่อาทิตย์

Seeking a Friend for the End of the World

บางกลุ่มเลือกที่จะจัดปาร์ตี้เซ็กส์หมู่ ก่อจราจล บางคนเปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้า บางคนถือโอกาสชิ่งหนีคู่สามีภรรยาที่อยู่กินกันมา บางกลุ่มเลือกที่รับมือ ด้วยการสร้างหลุมหลบภัยและกักตุนอาหาร บางคนเลือกที่จะใช้เวลาสุดท้ายกับครอบครัว สิ่งเหล่านี้ ชวนให้คิดว่า ในสถานการณ์ปกติสุข คนเราจะถูก จารีต ประเพณี ค่านิยม กดทับต่อจิตใต้สำนึก ช่วยเตือนสติ ห้ามทำนู้น ห้ามทำนี่ ต้องทำอย่างนู้นซิ ถึงจะเรียกว่าคนดี ต้องทำอย่างนี้ซิ ถึงจะเรียกว่า ถูกต้อง แต่สุดท้าย พอโลกจะแตก ก็ไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ความดีความชั่ว ที่สังคมใช้เป็นไม้บรรทัด

Seeking a Friend for the End of the World

สุดท้ายคนเราก็แค่กลัวคำตัดสินจากปากคนอื่น ถ้าไม่มีเขาไม่มีเราในวันพรุ่งนี้ ตัวเองจะดีหรือจะชั่วนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ความสำคัญอีกต่อไป ก็คล้ายๆกับการกระทำใดกระทำหนึ่ง ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เช่น การโดยสารรถเมล์ในเมืองใหญ่ ก็ไม่เห็นต้องลุกให้ใครนั่งเลย คนทั้งคันรถ ไม่มีใครรู้จักกันอยู่แล้ว หรือจะเป็นการขอด่าส่งเจ้านาย ในวันทำงานวันสุดท้าย ไหนๆก็จะลาออกแล้วนิ

แต่ในสถานการณ์อันเลวร้าย คนประเภทไหนล่ะ จะเป็นผู้ที่รับมือกับมัน ได้ดีกว่ากัน? ระหว่าง คนมองโลกในแง่ร้ายหรือคนมองโลกในแง่ดี ในภาวะที่โลกปกติสุข คนมองโลกในแง่ดี จะดูเป็นคนติดชิลล์ เป็นบุคคลที่น่าเข้าหา คนมองโลกในแง่ร้ายอาจดูหมกหมุ่นและครุ่นคิด แต่หากจัดฉากให้โลกแตก จับคนสองประเภทนี้โยนลงไป คนที่พร้อมรับมือในสถานการณ์โลกแตกกลับเป็นคนที่มองโลกในแง่ร้าย ส่วนคนมองโลกในแง่ดีน่ะหรอ เรียกว่าบ้าคลั่งก็ยังได้ อาจเป็นเพราะ คนมองโลกในแง่ร้าย จะพยายามประเมินสถานการณ์ให้มันดูแย่กว่าที่มันเป็น เพื่อเตรียมรับมือ หาทางหนีทีไล่ เป็นพวกที่ตกลงมาและมีตาข่ายรองรับ ส่วนคนมองโลกในแง่ดี เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นจริง การมองหาส่วนดีในสิ่งที่เลวร้าย ก็ไม่ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นมาได้จริงๆ

Seeking a Friend for the End of the World

แต่เมื่อวินาทีที่อุกกาบาตพุ่งชนโลกนั้นมาถึง ทั้งคนมองโลกในแง่ดีและคนมองโลกในแง่ร้าย ก็ไม่มีโลกใบไหน ที่พวกเขาจะต้องมองอีกต่อไป…………………..พวกเขากลับหันมามองกันเอง


ที่มา merablur
ภาพยนตร์ Seeking a Friend for the End of the World

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Copyright Notice

Copyright © 2014 FilmsInbound

All rights reserved.

Powered by Blogger

Super SEO created by Blogger Tuts

Published by GalleryBloggerTemplates.com